วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

คนโขน



คนโขน ร่ายลีลา นาฏยะ
ทั้งศาสตร์ ศิลปะ มาประสิทธ์
พระ ยักษ์ ลิง ผลาดแผลง อิทธิฤทธิ์
แสนวิจิตร งดงาม ตระการตา
ที่อยู่ใต้ หัวโขน ก็หัวคน
สรรพวิชา ปะปน ด้วยตัณหา
อันโมหะ ราคะ ยากพรรณา
คือภาพลวง มายา นาฏกรรม
งามฉากหน้า แต่ฉากหลัง ไม่สวยหรู
อวิชา คู่ตัณหา พาตกต่ำ
เมื่อวิชา คู่ด้วย คุณธรรม
ดั่งผลบุญ หนุนนำ ไม่อับจน
หัวโขน ที่วางเรียง เพียงรูปลักษณ์
แม้หน้ายักษ์ ใจคน ประเสริฐผล
ที่หน้าคน ใจยักษ์ เศร้ากมล
จะดีชั่ว เพียงตน เท่านั้นเอย

สะท้อนบางสิ่งที่เป็นจริงในสังคม
 ...ฉากหน้าสวยหรู เบื้องหลังไม่ใช่
...ศิลปะไม่ใช่เรื่องของการแพ้ชนะซึ่งกันและกัน ศิลปะจะงดงามมีค่าได้เสมอถ้า
ลงมือทำด้วยใจ
 ...การใช้ความรู้ในทางที่ถูกที่ควรจะทำให้ชีวิตประสบกับความรุ่งเรื่อง ผู้ใดที่ใช้
ความรู้ในทางมิชอบ แสวงหาประโยชน์เบียดเบียนผู้อื่นจะตกต่ำ
...ดีชั่วอยู๋ที่ตัวเอง ไม่ใช่หัวโขนที่สวมใส่


วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

มอบหัวใจไว้เบื้องบาท

ธ ทรงเป็น ธงชัย ไท้ปกเกศ
ไท" ประเทศ เขตคาม ได้สุขศรี
องค์พ่อหลวง ภูมิพล วงศ์จักรี
บารมี ไพศาล ทั่วอาณา
ย่ำแคว้น ทั่วแดน สองพระบาท
ดารดาษ สิ่งสรรค์ ให้หรรษา
ดั่งร่มโพธิ์ ร่มเย็น ปวงประชา
ทั่วผืนฟ้า ปกเกล้า พระเมตตา
วันนี้"พ่อ" จากไป ไม่กลับแล้ว 
พระมิ่งขวัญ ดวงแก้ว ถวิลหา
วันฟ้าดับ ลาลับ มหาราชา
ทั่วพสุธา โศกา แสนอาลัย
ขอตามรอย พ่อหลวง องค์จอมปราชญ์
มหาราช ผองไท ขอเทิดไว้
แม้เสด็จ สรวงสรรค์ สุราลัย
มอบหัวใจ ไว้เบื้องบาท ทุกชาติเอย

อย่าลืมดินที่เคยเดิน

พ่อแม่นก เลี้ยงลูกนก จนเติบใหญ่
สัจธรรม เป็นเช่นไร ใคร่ค้นหา
เฝ้าฟูมฟัก เลี้ยงดู เคียงกายา

รอวันเจ้า เติบกล้า ทะยานบิน

คน หัวนอนปลายเท้า เป็นแหล่งหลัก
ฟุ้งเฟื่อง ด้วยยศศักดิ์ และทรัพย์สิน
ปู่ ย่า หุงหา ให้อยู่กิน
อย่าลืมสิ้น พระคุณ สุดพรรณนา

จงเล่าเรียน ศึกษา จะเติบใหญ่
เช่นวิหค นกไพร เหิรเวหา
คนจะแกร่ง ด้วยการ งานนานา
ศีลธรรม ปัญญา เป็นอาจิณ

เมื่อเติบใหญ่ แกร่งกล้า อย่าโอหัง
อย่าลืมคุณ แต่หนหลัง เสียหมดสิ้น
แม้อยู่สูง เทียมฟ้า ทะยานบิน
อย่าละลืม ผืนดิน ที่เคยเดิน 


ดินสอสองบี

ธงไตรรงค์สื่อความหมาย

อันสีแดง หมายถึง ความเป็นชาติ
สีฉูดฉาด สาดแสง แรงสดใส
ให้เข้มข้น แน่แท้ เลือดศรีไทย
ไม่จากไกลมั่นไว้ ในแผ่นดิน

สีขาว สุขสกาว ศาสนา
อันความดี จรรยา ไม่สูญสิ้น
เป็นดั่งนก วิหค ผกโผบิน
ธรนินทร์ ปกครอง ด้วยศีลธรรม

สีน้ำเงิน  องค์ราชันย์ ขอเทิดไว้
ดั่งโพธิ์ทอง ผองไท  ได้สุขล้ำ
คือดวงแก้ว ส่องทาง คอยชี้นำ
ทุกเช้าค่ำ ยอเกียรติ  ในปฐพี

ธงไตรรงค์ งามล้ำ สื่อความหมาย
ผืนแผ่นดิน อยู่ได้ ด้วยศีลศรี
สามัคคี ดำรงมั่น ด้วยภักดี

สามสิ่ง สง่าศรี แห่งชาติไทย

ดินสอสองบี

เนื้อห่มเนื้อ

..ยินเสียงเพรียกเรียกขานจากลมหนาว
แสงแพรวพราวดวงดาวบนฟากฟ้า
อันความเหงาร้อยรัดในอุรา
ยามนิทรา แสนยาก ลำบากใจ
ถ้าความเหงาเหมือนหนาวที่แนบเนื้อ
ไร้เอื้อเฟื้อ ซึ่งอุ่นไอ ให้หวั่นไหว
ความแห้งผาก เย็นเยือก ที่กลางใจ
ทำอย่างไร จึงพ้นหนาว สะท้านกาย
เมื่อหนาวเนื้อก็ห่มเนื้อจึงหายหนาว
สุขสกาวอุ่นละมุนไม่รู้หาย
ร้อยไออุ่น เนื้อสู่เนื้อ ให้หนาวคลาย
ร้อยเรือนกาย แนบชิด สู่นิทรา...


ดินสอสองบี

ครู

"จนปัญญา กังขา ข้อสังสัยครูเต็มใจ ไม่ขับใส ไขกังขา
ครูปลูกสร้าง ความรู้ และวิชา
สานปัญญา แข็งแกร่ง แต่งพลัง
เมื่อเติบใหญ่เก่งกล้าอย่าดูถูก
ครูผู้ปลูกศาสตร์วิชามาแต่หลัง
ศิษย์ไร้ครูอยู่ได้ไม่จีรัง
อย่าโหหัง อวดอ้าง คิดล้างครู"


ดินสอสองบี

ปลูกป่า

"หมู่แมกไม้ ลู่ลม โบกสะบัด
สายลมพัดโบกปลิว พริ้วไสว
ฝูงนกน้อย เหิรบิน อยู่ไกลไกล
เหนือผืนป่า พงไพร ที่ร่มเย็น
มาวันนี้ ไฟร้อน ไม่ปราศัย
ผืนป่าใหญ่ อยู่ไหน ใยไม่เห็น
หมู่แมกไม้ อันเคย ให้ร่มเย็น
แสนยากเข็ญ พลิกฟื้น คืนกลับมา
จริงหรือ ไฟร้อน ที่เผาพลาญ
หรือไฟมาร ในใจคน กันแน่หนา
ที่ทำลาย ป่าไม้ ไร้จรรยา
อันผืนป่า โรยริน หมดสิ้นไป
จงช่วยกัน พลิกฟื้น คืนผืนป่า
มากคุณค่า สุดพรรณา รักษาไว้
ให้คืนกลับ หมู่แมกไม้ ทั้งใกล้ไกล
จงปลูกป่า ร่มไพร ในใจคน

ดินสอสองบี

เรือนไม้เมื่อวันวาน

บ้านเรือนไม้ ดงมะพร้าว มีเรื่องเล่า...
สุขทุกข์เศร้า ปนเคล้า จะเล่าใหม่
ดวงจำรัส แน่แท้ ไม่แปลไป
ทวดเป็นดั่ง ร่มไทร ให้ร่มเย็น
แดดรอนๆแสบแสน แสดสะท้อน
แดดรอนๆ ฑิฆัมพร มีให้เห็น
คราร้อนลับ ดับหาย ในยามเย็น
ลูกหลานเล่น แลเห็น เป็นสุขใจ
สองมือนี้ ป้อนข้าว ปนเคล้ารัก
ใบไข่ต้ม ที่ฟูมฟัก เจ้าเติบใหญ่
มาวันนี้ แม่ดวงแก้ว จากลาไกล
เหลือเรือนไม้ หลังใหญ่ ให้จดจำ
จะขอเก็บ เรือนไม้ ไว้เคียงคู่
ขอไว้ดู ต่างหน้า ทุกเช้าค่ำ
แทนดวงเดือน ลับลา ฟ้าสีดำ
ดวงจำรัส งามล้ำ อยู่กลางใจ

ดินสอสองบี

ผู้ชนะสิบทิศ

มหานคร หงสาฯ ศรีพุกาม
ท้องฟ้าคราม งามล้ำ พิสมัย
ผืนน้ำกว้าง หลากเชี่ยว เป็นเกรียวไป
แสนกว้างใหญ่ ไพศาล อิระวดี
กล่าวถึง ขุนพลกล้า นาม จะเด็ด
ระหกระเห็จ ทำศึก เพื่อศักดิ์ศรี
ยอมพลีกาย วงศ์ตองอู ด้วยภักดี
อันชีวี มอบให้ องค์มังตรา
อันดวงแด แน่แท้ ให้จอมขวัญ
แสนผูกพัน รักมั่น เสน่หา
จะชมโฉม โลมเล้า แม่จันทรา
กุสุมา ยอดชู้ ชื่นชูใจ
ให้เลื่องชื่อ ลือชา ไปสิบทิศ
อันชีวิต ขอน้อม ยอมพลีให้
เกียรติยศ อมร ขจรไกล
ผู้ชนะสิบทิศ จารึกไว้ ในแผ่นดิน

ดินสอสองบี

ชีวิตและกีฬา

...เห็นน้องเล่นกีฬาแลกหยาดเหงื่อ
ยังหลงเหลือ ด้วยรัก และศักดิ์ศรี
กระชับมั่น ทุกคืนวัน สามัคคี
ให้เป็นศรี สง่าเด่น ของเซนต์ฟรังฯ
แพ้ชนะ มีให้เห็น เป็นปรากฏ
อย่าละลด พยายาม สร้างความหวัง
ชนะแพ้ เกิดขึ้นได้ ไม่จีรัง
เมื่อพลาดพลั้ง อย่าท้อ สู้ต่อไป
เกมส์ชีวิต ประดุจ เกมส์กีฬา
อันภูผา ทายท้า อย่าหวั่นไหว
อันสองขา ย่ำเดิน เผชิญไป
อุปสรรค หนักเพียงไร อย่าอาวรณ์
"
วิชาการ ดนตรี กีฬาเด่น
หวังให้เป็น ดาวจรัส ประภัสสร
ประดับทั่ว ท้องนภา สถาพร
นิรันดร ดาวดวงเด่น คือ เซนต์ฟรังฯ"......

ดินสอสองบี

เหนือฟ้ายังมีฟ้า

อันทุกสิ่ง ไม่แน่นอน ไม่เที่ยงแท้
ล้วนเปลี่ยนแปล ยากหยั่ง น่าสับสน
ดั่งสายน้ำ หลากเชี่ยว ไม่ย้อนชล
เช่นใจคน หมุนวน เปลี่ยนแปลไป
เมื่อเป็นคน เก่งกล้า มากสามารถ
จะฉลาด เลิศล้ำ อัธยาศัย
แม้ยศฐา บรรดาศักดิ์ หนักเพียงไร
มีสิ้นไร้ วาสนา และอับจน
เมื่อมีคน สูงศักดิ์ อัครฐาน
อันคนพาล มีอยู่ ทุกแห่งหน
อันหน้าเนื้อ ใจเสือ ล้วนปะปน
เกิดเป็นคน ต้องรู้จัก เฉลียวใจ
เหนือฟ้า ยังมีฟ้า อย่าประมาท
จะเก่งกาจ สามารถ สักปานไหน
ย่อมถึงวัน พลั้งพลาด และปราชัย
ให้ผู้ใด ที่เหนือฟ้า กว่าตนเอย

ดินสอสองบี

มั่งมี ศรีสุข สองเกลอนกเขา

จากแรงสู่รังให้ได้มา
สุดสรรหาสิ่งต่างๆที่ใช้สอย
เศษไม้ใบหญ้าค่อยทะยอย
สร้างบ้านน้อยให้ลูกยาอยู่ร่มเย็น
ขอเรียกเจ้าว่า มั่งมี และศรีสุข
ขนกระจุกบางบางแลให้เห็น
เสียงผิวปากทักทายเจ้าทุกเช้าเย็น
สองเกลอเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเรา
เมื่อวันหนึ่งสองวิหคเจ้าเติบใหญ่
โผบินไปสู่เวหาทางของเขา
เหลือแต่เพียงรังเปล่าเมื่อวัยเยาว์
เพียงภาพเก่า เคล้าไออุ่น ไม่รู้ลืม...

2ธันวาคม 2558
ดินสอสองบี

สิงห์ หรือ สุนัข

...เดินเยื้องย่างทรนงและองอาจ
ไม่ประกาศศักดิ์ดาให้หวั่นไหว
ไม่อวดอ้างตัวคือจ้าวแห่งพงไพร
อยู่ที่ใดจงจำไว้ชื่อสิงโต
อีกหนึ่งคือหมาน้อยตัวจิ๊ดริด
ตัวน้อยนิดกวนใจให้โมโห
ส่งเสียงร้องก้องดังคำใหญ่โต
ดั่งอวดโอ้ให้รู้ตนคือใคร
เกิดเป็นคนเจ้าจงเป็นดั่งเช่น สิงห์
เป็นคนจริงใครว่าร้ายอย่าอ่อนไหว
เหมือนหมาเห่าน่ารำคาญอย่าใส่ใจ
หมาเห่าได้ก็เห่าไป สิงห์ ไม่มอง...

9 ตุลาคม 2558

ดินสอสองบี

ตำนานมวลมหาประชาชน



เปิดลิ้นชักเจอรูปเก่ามาเล่าใหม่
วันที่ ไท เหล่าผองเพื่อนเดินถนน
ร้อนฝนหนาวลำบากต้องอดทน
ขับไล่คนทรราชย์ไร้ที่ยืน

เสียงนกหวีดรักชาติดังก้องไกล

ปลุกหัวใจนักสู้มิอาจฝืน
เหนื่อยและท้อทนได้พร้อมหยัดยืน
หลับหรือตื่นรักแผ่นดินทุกถิ่นไทย

ร่วมสร้างฝันเดินก้าวไปกับพวกเขา

แดดร้อนเผาพวกเรายังทนไหว
เหงื่อโทรมกายไหลรินมิเป็นไร
จะหยัดยืนยึดมั่นในอุดมการณ์

คือรอยยิ้ม คือศรัทธา คือตำนาน

เวลาผ่านนานเท่าไรยังเล่าขาน
เหล่าผีเสื้อเสรีชนผู้เบิกบาน
แห่งตำนาน "มวลมหาประชาชน"

ดินสอสองบี

รำลึก 14 ตุลา

ทรราชย์ปราบเหล่าเสรีชน    
 ผลาญผจญ ปวงประชา ให้อาสัญ
 กระสุนปืนเหมือนไฟบรรลัยกัลป์
 ทุกชีวันดับดิ้นม้วยมลาย
 ขอเชิดชูวีรชนเหล่าคนกล้า       
  สิบสี่ตุลายิ่งใหญ่ไม่เลือนหาย
 เข้าต่อสู้กระสุนปืนยืนหยัดกาย
  ด้วยมุ่งหมายล้มล้างปราบอธรรม
  ฟ้าสีทองผ่องอำไพได้ฉายแสง    
  เสียงบทเพลงแห่งเสรีที่ดื่มด่ำ
  ให้ลูกหลานได้จารึกได้จดจำ       
   วีกรรมเบิกฟ้าประชาธิปไตย

   ดินสอสองบี

วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560

พ่อหลวงรัชกาลที่9...ในความทรงจำ

ภาพที่เห็น... ค่าล้ำ คำพ่อสอน
พระเมตตา อาทร ที่มีให้
ทุกข์ หรือสุข ห่วงหา คอยใส่ใจ
คือสายใย  ในหลวง แห่งแผ่นดิน
ภาพที่เห็น...ใกล้ไกล จะที่ไหน
สองพระบาท ดำเนินไป ทั่วทั้งสิ้น
เสโทหลั่ง ดั่งน้ำฝน ชโลมริน
มาดับร้อน ผืนดิน เหนือถิ่นไท
ภาพคุณยาย...ให้ดอกไม้ ไม่เลือนลับ
สองพระหัตถ์ ทรงกระชับ  รับเอาไว้
มองภาพเก่า  เคล้ารอยยิ้ม แสนชื่นใจ
ในหลวง สถิต ไท้ กลางใจชน
ภาพจริยวัตร...งดงาม ให้จดจำ
เจิดจรัส งามล้ำ ทุกแห่งหน
ทรงพระนาม กล่าวขาน มิ่งมงคล
"ภูมิพล"ก้องไกล ไปแสนนาน
มาวันนี้ ภาพเก่า ไม่จางไป
แม้สถิต สุราลัย  ในสถาน
น้อมทดแทน บารมี บริบาล
ด้วยภักดี ตลอดกาล ตราบนิรันดร์
เป็นภาพจำ ครั้งเก่า  ที่เก็บไว้
ในหลวง อยู่ในใจ ไม่แปรผัน
แสนห่างไกล คือใกล้ ไม่ไกลกัน
ตราบสิ้นฟ้า ตะวัน นิรันดร


ดินสอสองบี

10 มีนาคม พ.. 2560

น้อมกราบวันฑา

น้อมประนต กราบพ่อหลวง ที่แห่งไหน
คิดถึงพ่อ สุดหัวใจ ไห้โหยหา
พระมิ่งขวัญ จากไป ไม่กลับมา
กราบวันฑา ด้วยน้ำตา กันทุกที

จะอยู่ไหน แห่งใด แสนไกลห่าง
จะแตกต่าง หนทาง สถานที่
จะกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี
ก็ยินดี กราบลง ด้วยหัวใจ

ขอวันฑา กราบลง ที่ตรงนี้
ตราบจน ดวงชีวี จะหาไม่
กราบพ่อหลวง ดวงขวัญ ด้วยอาลัย
ด้วยหัวใจ ภักดี นิรันดร์กาล


ดินสอสองบี21มกราคม พ.ศ.2560

ของขวัญจากพ่อ

กล่องของขวัญ ใบหนึ่ง พ่อมอบไว้
มาผูกพัน สายใย คงคุณค่า 
ดั่งน้ำฟ้า ชื่นเย็น ปวงประชา
คือปรัชญา พอเพียง ปรีชาญาณ
ในวันนี้ ปีเก่า หรือปีใหม่
พอมี พอกิน พอใช้ เป็นรากฐาน
ภูมิคุ้มกัน มีเหตุผล พอประมาณ
พระราชปณิธาน พอเพียง ช่วยเจือจุน
องค์พ่อหลวง ธรรมิกราชา
พระเมตตา ไพศาล ที่เกื้อหนุน
แผ่นดินนี้ โชคดี แสนมีบุญ
จอมกษัตริย์ ทรงพระคุณ อเนกอนันต์

จะปีเก่า ปีใหม่ แม้เลยล่วง
จะภักดี ในหลวง ไม่แปรผัน
น้อมสำนึก มหากรุณาธิคุณ ทุกคืนวัน
น้อมดวงขวัญ ตามรอยพ่อ พอเพียงเอย
3 มกราคม พ.ศ.2560
ดินสอสองบี

หากหยดเลือดหมื่นแสนทดแทนได้

ธ เสด็จ สู่ สวรรค์ สุราลัย
องค์ดวงแก้ว ลาไกล ใจโหยหา
น้ำตาฟ้า น้ำตาคน หลั่งลงมา
มหาราชา ลับลา อกาลิโก

 สถิตมั่น มิ่งขวัญ กลางดวงใจ
พระเมตตา พา
ไทได้สุขโข
อันน้ำรด หยดริน พระเสโท
 ทรงเป็นดั่ง ร่มโพธิ์ ประชาชี

หากหยดเลือด กี่หมื่นแสน ทดแทนได้
สละไว้ ไม่เสียดาย จากกายนี้
แทนวาจา ร้อยพัน คำวจี
น้อมถวาย ภักดี ด้วยอาลัย

ดินสอสองบี
14 พฤศจิกายน พ..2559

ยอพระเกียรติ ร.9

ยอพระเกียรติ แด่ ...พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

อันแว่นแคว้น แดนใด ในแหล่งหล้า
นครา เมืองฟ้า รัตนโกสินทร์
ยอพระเกียรติ องค์จักรี นฤบดินทร์
สยามมินทร์ ภูมิพล ขจรไกล

 ทรงเป็น แสงทอง คอยส่องนำ
ทศพิธราชธรรม คงมั่นไว้
คือดวงธรรม งามล้ำ สถิตใจ

ธรรมราชา ยิ่งใหญ่ แห่งปวงชน

พระเสโท แห่งองค์ ที่ทรงหลั่ง
ประดุจดั่ง ความรัก ที่เปี่ยมล้น
พ่อลำบาก ตรากตรำ นั้นยอมทน
เพื่อนิกร ผองชน ในดวงมาน

พระราชปณิธาน ขจรไกล ในวันนี้
ความพอเพียง พอดี ให้สืบสาน
อันศิระ บารมี บริบาล
ศิระกราน
ธรรมิกราชานิรันดร์


ดินสอสองบี

3
ตุลาคม พ.. 2559


รัตนโกสินทร์

รัตนโกสินทร์
จำจารึก ปฐมกษัตริย์ ประวัติศาสตร์
ประชาราษฎร์ ผาสุข เกษมสันต์
รื่นรมย์ รมย์รื่น ทุกคืนวัน
คุณอนันต์ ประดุจล้ำ ทิฆัมพร
ทรงก่อร่าง สร้างวงศ์ใหม่ ใจมั่นมุ่ง
ให้เรืองรุ่ง ฟุ้งเฟื่อง ประภัสสร
ขนานนาม กรุงเทพมหานคร
อันอมร รัตนโกสินทร์ คือถิ่นไทย
หลากเชื้อชาติ ภาษา ไม่อาจกั้น
กี่ร้อยพัน มากล้น จะหนไหน
ให้ร้อยเรียง เคียงรัก เป็นสายใย
เลือดศรีไทย ชัดเต็ม เข้มสืบมา
...รัตนโกสินทร์...
คือแผ่นดิน ปิตุแคว้น แดนอุษา
เราเพื่อนพ้อง น้องพี่ สุขอุรา
ใต้ร่มฟ้า บารมี จักรีวงศ์


6 เมษายน พ.ศ.2559

ดินสอสองบี

เสรีภาพไร้เดียงสา


เสรีภาพ สวยงามดั่ง พิราบขาว
เรื่องเล่ายาว แห่งเสรีที่ ดื่มด่ำ
เป็นข้อคิด คติ ให้จดจำ
วาทกรรม ล้วนสรรสร้าง คิดประดิษฐ์

เข้าใจผิด ทำสิ่งใด ตามใจนึก
 

ไม่ตรองตรึก ทบทวน ละเมิดสิทธิ
แล้วก็อ้าง ความเสรี โดยไม่คิด
สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ไม่ยึดถือ

เสรีภาพ ในวันนี้ เป็นไฉน

ทำอะไร ก็ได้เช่น นั้นหรือ
ไม่สวยงาม พิราบขาว ที่ล่ำลือ
นี่หนะหรือ สิ่งที่คน เฝ้าใฝ่หา

หาความสุข บนความทุกข์ ไม่สำเหนียก

ดั่งนี้เรียก เสรีภาพ ไร้เดียงสา
พิราบขาว จะโบยบิน แล้วจากลา
สู่นภา ฟ้ากว้าง ไม่กลับคืน

ดินสอสองบี